ประวัติชาติภูมิ : ปู่ฤาษีคัมภีร์ แสนวัง
ประวัติชาติภูมิ
: ปู่ฤาษีคัมภีร์ แสนวัง
...............................................................
ปู่ฤาษีคัมภีร์ แสนวัง : ท่านเกิดที่บ้านเลขที่ 234
หมู่ 5 บ้านเชียงยืน ต.เชียงยืน อ.เชียงยืน จ.มหาสารคาม
มีพี่น้อง 3 คน ท่านเป็นบุตรคนสุดท้อง
ซึ่งท่านบรรพชาตั้งแต่อายุ 12 ปี ณ.วัดกลางเชียงยืน
โดยมีพระครูบุญศิริธรรม เจ้าคณะตำบลเชียงยืน เป็นอุปัชชาย์.
ท่านเรียนต่อมัธยมศึกษาปีที่
1 ณ.วัดปัจจิมเชียงยืน จนจบมัธยมศึกษาปีที่ 3
จึงได้ไปศึกษาต่อในแผนกธรรมบาลี ณ. วัดชัยศรี บ้านเสียว อ. น้ำพอง จ.ขอนแก่น
โดยพระครูสุธีปริยัติโยดม เป็นเจ้าสำนักเรียน จนจบเปรียญธรรม 5 ประโยค จึงได้ยุติการศึกษาด้านธรรมบาลี.
ท่านได้สืบ
"วิชาธรรมเก้าโกฏิ" จากปู่ของท่าน
โดยในข้อห้ามของพระธรรมเก้าโกฏิมีอยู่ว่า ผู้จบธรรมห้องปาฏิหาริย์
จะไม่สืบทอดวิชาธรรมนี้แก่บุตร ผู้รับช่วงต่อคือหลานชายเท่านั้น
ปู่ฤาษีคัมภีร์จึงมีศักดิ์และสิทธิ์ในการรับมอบ ตำแหน่งหมอธรรม ตั้งแต่ "อายุ
10 ปี" โดยในการสืบธรรมเก้าโกฏินี้ จะมีการเสี่ยงทาย
ผู้ที่จะได้เป็นอาจารย์นั้นต้องเสี่ยงไม้หวาย 9 กำ
ว่าจะตกโศก (โฉลก) ที่ไหน ตกโศกดีก็ได้ ตกโศกร้ายไม่มีสิทธิเรียน
อาจารย์ฤาษีคัมภีร์จึงมีศักดิ์เป็นอาจารย์ตั้งแต่อายุ 13
ปีเท่านั้น!
ในขณะที่ท่านศึกษาพระบาลีที่บ้านเสียว อ. น้ำพอง
จ.ขอนแก่น ท่านได้พบกับสามเณรรูปหนึ่ง จากประเทศกัมพูชา ที่หลบลี้หนีมา
ศึกษาพระบาลี ในประเทศไทย (ซึ่งที่ประเทศกัมพูชาในสมัยนั้น 3 ปีจะมีการสอบพระบาลีเพียง 1 ครั้ง)
แต่ในขณะที่ประเทศไทยมีสอบทุกปี สามเณรรูปนั้น จึงต้องมาศึกษาในประเทศไทย
สามเณรรูปนั้นชื่อ "สามเณรสาย" ไม่มีนามสกุล โดยศึกษาที่เดียวกับ
ปู่ฤาษีคัมภีร์ อยู่ 3 ปี จนสนิทสนมกันในวันหนึ่งสามเณรสายจึงเล่าเรื่องวิชาของประเทศเขาให้ฟังว่าดีอย่างนั้นดีอย่างนี้
จึงทำให้ ปู่ฤาษีคัมภีร์ ต้องการไปศึกษา
เพราะว่าท่านมีความชอบเป็นทุนเดิมอยู่แล้วด้วย.
ประมาณปี พ.ศ. 2533 ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ หลังจากมีการสอบพระบาลีเสร็จสิ้นแล้ว
ด้วยความต้องการไปศึกษา จึงโกหกมารดาเพื่อขอค่าน้ำมันรถ
จึงได้ออกเดินทางสู่ประเทศกัมพูชา เดินทางอยู่ 3
วันจึงถึงประเทศกัมพูชา โดยไปทางช่องจอมสุรินทร์ เข้าเขตอำเภอกำป๊อด
ผ่านทะลุเทือกเขาที่แปลเป็นไทยว่า "เทือกเขาช้างดำ"
และเดินธุดงด์ต่อไปเรื่อยๆจนถึง ที่อำเภออุดรมีชัย ซึ่งในภาษาเขมรเรียกว่า"บันเตียนเมียนเจย"
ต่อเข้าเสียมราฐ สามเณรสายจึงพาไปฝากตัวกับ "อาจารย์เพลาโลว"
ซึ่งท่านเป็นหมอต่อช้าง พวกส่วยประเทศไทยเรียกว่าปะตายิ ท่านจึงขอเรียนวิชา
ผีประกำ และมนต์ต่างๆ ที่ไว้ใช้สะกดอาถรรพณ์ ในป่าดงดิบ จากนั้นสามเณรสายจึงพาไปฝากตัวกับอาจารย์สักยันต์
แต่อาจารย์ท่านนั้นได้เสียไปก่อน.
ในขณะนั้น
ชาวบ้านได้ เล่าลือกันว่ามีฤาษีท่านหนึ่งอยู่ที่เทือกเขาพนมสิมเจียม ของเสียมราฐ
จึงได้เดินทางไปเรียนกับฤาษีย์ท่านนี้ ฤาษีท่านนี้ชื่อว่า
"ดาบ๊อสเจลียง" ในขณะที่ท่านไปเรียน สามเณรสายได้สมัครไปเป็นทหารเขมรแดง
จึงทำให้ท่าต้องศึกษาคนเดียว ดาบ๊อสเจลียงได้สอนวิชาต่างๆอาทิเช่น
มนต์เสาะเบรียะโนงมูย มนต์เสน่งโกนเมือน ,มนต์เสน่งโพรงกู๊ด
ฯลฯ
ในการศึกษานี้ผู้ใดจะสำเร็จต้องเอาเมล็ดสมอมาอมไว้ในปากแล้วภาวนา
จนเมล็ดนั้นแตกจึงถือว่าสำเร็จ ท่านศึกษาอยู่ 3 ปี
จึงได้กราบลา ดาบ๊อสเจลียง เพื่อออกเดินทางต่อ ตอนออกจากป่าท่านจึงหลงอยู่ในป่า 3 วัน ( ตอนนั้นสามเณรสายได้สมัครไปเป็นทหารเขมรแดงจึงต้องเดินทางคนเดียว )
จึงได้พบกับ
"อาจารย์ภะแม" (นายพรานป่า) อาจารย์ภะแมจึงได้พาออกจากป่า
แล้วได้ปักกลดที่บ้านของอาจารย์ภะแม อาจารย์ภะแมพรานป่าผู้นี้มีสิ่งแปลกคือ
ท่านมีภรรยา 4 คนอยู่บ้านหลังเดียวกัน
เป็นที่น่าอัศจรรย์ จึงทำให้ ปู่ฤาษีคัมภีร์ อยู่ศึกษามนต์กับท่าน อาทิเช่น
มนต์กลืนใจนาง (วิชานี้ทำฝ้ายผูกแขนผู้หญิง ) เป็นต้น ใช้เวลาศึกษาอยู่ 6 เดือน ได้ยกครูใน วันสุริยคลาส (ถ้าผู้จะศึกษา จะต้องยกครู ในวันสุริยคลาส
เท่านั้น)
ทั้งหมดนี้
เป็นเพียง "ประวัติชาติภูมิ" ของปู่ฤาษีคัมภีร์ แสนวัง อย่างคร่าวๆ
พอสังเขปเท่านั้นน่ะครับ ประกอบกับเพื่อที่จะ "บันทึก" ให้ลูกศิษย์ลูกหา
ที่เลื่อมใสใน "ปู่ฤษีคัมภีร์ แสนวัง" ได้ทราบ
ถึงประวัติความเป็นมาเป็นไปในตัวท่าน ทั้งในเรื่องชีวิต การศึกษา การเล่าเรียนไสยเวทย์ต่างๆ
ได้อย่างถูกต้องสืบไปเทอญ....
ที่มา : WWW.kumpee.net
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น